จากวรรณคดีเลื่องชื่อสู่ดนตรีสุพรรณ

 

“สุพรรณบุรี เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรือเกษตรกรรม

สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง 

คำขวัญประจำจังหวัดสุพรรณบุรีที่ได้แสดงให้เห็นถึงความอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญของความคิดสร้างสรรค์ของชาวสุพรรณบุรี โดยหากจะกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเสียงดนตรีสุพรรณก็คงจะต้องเริ่มต้นที่ “การขับเสภา” บทประพันธ์วรรณคดีเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน

 

(ที่มา: บทเสภาขุนช้างขุนแผน,

หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา)

 

วรรณคดีเรื่อง "ขุนช้าง-ขุนแผน" เป็นนิทานคู่บ้านคู่เมืองของสุพรรณบุรีมานานหลายร้อยปี มีเค้าโครงเรื่องจากประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นที่มีการสอดแทรกเนื้อหาของประเพณี วัฒนธรรม และหลักจริยธรรมในสังคมในอดีตผ่านการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกของเรื่องที่ล้วนมีพื้นเพเป็นชาวสุพรรณบุรีทั้งสิ้น ซึ่งในสมัยอดีตได้มีการประพันธ์นิทานเรื่องนี้ออกมาเป็นบทกลอน ใส่ทำนอง และมีการใช้กรับเป็นเครื่องประกอบจังหวะ เกิดเป็น "การขับเสภา" และต่อยอดไปสู่การ "บรรเลงปี่พาทย์" ซึ่งนับเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของเสียงดนตรีในสุพรรณ

 

ภายหลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 บทเสภาดั้งเดิมได้สูญหายไปมาก ในสมัยรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้มีการรวบรวมบทประพันธ์เดิม และโปรดเกล้าฯให้มีการชุมนุมกวีเอกของราชสำนักเพื่อชำระกลอนเสภาขุนช้าง - ขุนแผน และประพันธ์เพิ่มเติม โดยมีหนึ่งในกวีเอกของประเทศไทยอย่างสุนทรภู่เป็นผู้ร่วมประพันธ์ด้วย ในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และในสมัยสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กับพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชาร่วมกันชำระบทประพันธ์ขุนช้าง - ขุนแผนเป็นครั้งสุดท้ายจนมีเนื้อหาดังบทเสภาในปัจจุบันจากวรรณคดีเลื่องชื่อสู่จุดเริ่มต้นของเสียงดนตรีสุพรรณ 

 

นอกจากนั้นวรรณคดีเรื่องนี้ยังได้สะท้อนให้เห็นภาพชีวิตของคนโบราณในอดีต แม้บางอย่างได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่บางสิ่ง หรือสถานที่บางแห่งก็มีการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันอย่าง "วัดป่าเลไลยก์" หนึ่งสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ที่เป็นต้นกำเนิดของเพลงพื้นบ้านสุพรรณบุรีอีกด้วย